กิจวัตรประจำวันที่เสี่ยงต่ออาการนิ้วล็อค

นิ้วล็อคเกิดขึ้นได้จากการใช้ชีวิตประจำวันของคนเราเพราะคนหนึ่งคนก็มีกิจกรรมและการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกันออกไป

มนุษย์นั้นมีร่างกายและอวัยวะต่างๆ ที่ซับซ้อนหลายๆ อย่างทำงานร่วมกันซึ่งถือได้ว่าเป็นระบบการทำงานที่น่าทึ่งและอัศจรรย์อย่างมากเพราะเพราะอวัยวะต่างๆ ล้วนส่งผลลัพธ์และมีผลกระทบต่อกันโดยตรงซึ่งถ้าเกิดอวัยวะส่วนใดที่เกิดการทำงานที่ผิดพลาดหรือบกพร่องขึ้นมาอาจจะทำให้ร่างกายส่วนอื่นๆ นั้นได้รับความเสียหายและได้รับอันตรายได้โดยในบางครั้งอาการผิดปรกติของร่างกายของมนุษย์ในแต่ละครั้งนั้นเราอาจจะไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองนั้นมีอาการผิดปรกติจนในบางครั้งก่อนที่เราจะรู้ตัวก็เกิดเหตุการณ์ที่อันตรายและไม่คาดฝันเกิดขึ้นคืออาการนั้นเกิดอาการลุกลามและอันตรายร้ายแรงเกินกว่าที่จะรักษาได้อย่างเช่นอาการของนิ้วล็อค

อาการนิ้วล็อคคืออะไรและมีผลข้างเคียงคืออะไร โดยในชีวิตประจำวันของคนเรานั้นนิ้วถือว่าเป็นหนึ่งในอวัยวะที่สำคัญอย่างมากเพราะในการจับถือสิ่งของนั้นถือว่าเราจำเป็นจะต้องใช้นิ้วที่แข็งแรงและมีการทำงานที่ผสานกลมกลืนกันเพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่เต็มที่แต่ในบางครั้งเราอาจจะใช้นิ้วมือใช้งานที่หนักและเกินกว่าที่นิ้วมือของเราจะสามารถรับได้หรือในบางครั้งก็เกิดจากการที่หิ้วถือของนานๆ โดยอาการนิ้วล็อคนั้นส่วนมากมักจะพบเจอได้ในกลุ่มของผู้หญิงหรือแม่บ้านเพราะว่าเป็นเพศที่มีความรับผิดชอบเกี่ยวกับงานบ้านอย่างเช่นการซื้อของมาทำอาหารการซักผ้าหรือการเลี้ยงดูเด็กๆ

ซึ่งกิจกรรมประเภทนี้มักจะต้องใช้นิ้วมือเป็นหลักอย่างเช่นการซักผ้าที่อาจจะต้องใช้นิ้วมื้อขยี้หรือขยำเสื้อผ้าในบางครั้งการเดินซื้อของที่ตลาดที่จะต้องหิ้วถือของหนักๆ เป็นเวลานานหรือแม้กระทั่งการพิมพ์งานเป็นเวลานานๆ ก็เช่นกันซึ่งสาเหตุของอาการปวดก็คือเส้นเอ็นในบริเวณฐานของนิ้วนั้นเกิดอาการล็อคหรือเกิดอาการยึดของเส้นเอ็นในบริเวณนั้นๆ จึงทำให้เกิดอาการปวดขึ้นซึ่งจะทำให้เกิดอาการเจ็บหรือปวดในเวลาที่เกิดการขยับหรือใช้งานนิ้วมือนั้นๆ โดยวิธีการรักษาโดยเบื้องต้นคือเลี่ยงการใช้งานของนิ้วมือที่อาจจะทำให้เกิดเสี่ยงต่อการเป็นอาการนิ้วล็อค

และวิธีการรักษาอีกทางหนึ่งก็คือการรับประทานยาโดยยาที่แพทย์มักนิยมให้ใช้คือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์เพราะการใช้สเตียรอยด์มักจะมีผลข้างเคียงที่มากกว่ายาชนิดอื่นๆ และนอกจากนั้นก็อาจจะใช้การทำกายภาพบำบัดเพื่อลดความเจ็บปวดลงด้วยแต่ถ้าหากอาการนั้นมีความรุนแรงและอันตรายเกินกว่าการรับประทานยาและการทำกายภาพบำบัดจะช่วยได้ก็อาจจะต้องใช้การผ่าตัดเพื่อรักษาอีกทางหนึ่ง